ในยุคดิจิทัลที่ทุกคนสามารถสร้างคอนเทนต์ และเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง Personal Branding (แบรนด์บุคคล) กำลังมีความสำคัญมากกว่าการสร้างแบรนด์ธุรกิจแบบเดิม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแบรนด์ธุรกิจไม่สำคัญเลย ทั้งสองอย่างมีบทบาทที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและกลยุทธ์ของแต่ละคน
ทำไม Personal Branding ถึงสำคัญกว่าการสร้างแบรนด์แบบเดิม?
ผู้คนเชื่อมต่อกับ “คน” มากกว่า “บริษัท”
เพราะในยุคนี้ “ความน่าเชื่อถือ” และ “ความสัมพันธ์กับลูกค้า” เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการทำการตลาดแบบเดิม ๆ คนมักจะซื้อสินค้า หรือบริการจากคนที่พวกเขารู้จัก และเชื่อมั่นมากกว่าจากแบรนด์ที่ไม่รู้จัก จากตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่นคนติดตาม Elon Musk มากกว่าติดตาม Tesla หรือ SpaceX, คนเชื่อถือ Gary Vaynerchuk ในด้านการตลาด มากกว่าบริษัท VaynerMedia, โค้ชธุรกิจ, Influencers หรือ YouTubers หลายคนสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองจนมีรายได้มหาศาล
เพราะฉะนั้นพูดได้ว่าถ้าคุณมี Personal Branding ที่แข็งแกร่ง → คนจะเชื่อถือคุณมากขึ้น → นำไปสู่ยอดขายและโอกาสทางธุรกิจที่มากขึ้น
Personal Branding ช่วยให้ธุรกิจเติบโตง่ายขึ้น
Personal Branding ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ต้องสร้างธุรกิจ แต่การที่คุณเป็นที่รู้จักจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตง่ายขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น Jeff Bezos เจ้าของแบรนด์ Amazon เติบโตเพราะเขาเป็นสัญลักษณ์ของบริษัท Steve Jobs ทำให้แบรนด์ Apple กลายเป็นไอคอนเพราะตัวเขาเอง หรือ Oprah Winfrey ใช้แบรนด์ส่วนตัวสร้างสื่อและผลิตภัณฑ์ที่คนเชื่อมั่น
คนอาจเริ่มต้นจากการติดตามตัวคุณก่อน แล้วค่อยเชื่อถือธุรกิจของคุณในภายหลัง
Social Media ทำให้ Personal Branding ทรงพลังมากขึ้น
แพลตฟอร์มอย่าง Facebook, TikTok, Instagram, Twitter, YouTube, และ LinkedIn เปิดโอกาสให้แต่ละคนสร้างชื่อเสียงของตัวเองได้ง่ายขึ้นกว่าการสร้างแบรนด์ธุรกิจแบบเดิมตัวอย่าง TikTok และ YouTube ทำให้คนธรรมดากลายเป็น Influencer หรือ Expert ในวงการต่าง ๆ LinkedIn & Twitter ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด, ธุรกิจ, หรือเทคโนโลยี สร้างชื่อเสียงของตัวเองได้ เป็นต้น
เมื่อคุณสร้าง Personal Branding ผ่าน Social Media ได้แข็งแกร่ง คุณสามารถต่อยอดไปสู่การทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น
SEO และการตลาดให้ความสำคัญกับ Personal Branding มากขึ้น
Google และ Social Media Algorithms ชอบคอนเทนต์จากบุคคลจริง มากกว่าจากแบรนด์ที่ไม่มีตัวตน
SEO กับ Personal Branding
บทความจากบุคคลจริง (Expert) มีแนวโน้มจะติดอันดับ Google ได้ดีกว่า
คนค้นหาชื่อบุคคลมากขึ้น เช่น “Digital Marketing by [ชื่อคุณ]”
แพลตฟอร์มอย่าง YouTube และ LinkedIn ส่งเสริมคอนเทนต์ที่มาจากตัวบุคคล
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ได้แก่ Google จัดอันดับเนื้อหาจากบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญ (E-E-A-T: Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness), บทความที่มีชื่อของผู้เขียน (Author Bio) ได้คะแนน SEO ดีกว่าบทความทั่วไป
ดังนั้นการมี Personal Branding ที่แข็งแกร่งช่วยให้ธุรกิจของคุณถูกค้นพบง่ายขึ้นผ่าน SEO และ Social Media
คนชอบฟังเรื่องราวจากคน มากกว่าจากบริษัท
การเล่าเรื่องราวส่วนตัว (Storytelling) ช่วยให้คนรู้สึกเชื่อมโยงกับคุณมากขึ้น ตัวอย่าง“จากหนี้ 1 ล้านสู่การเป็นนักการตลาดอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย“ การใช้หัวข้อแบบนี้จะทำให้คนสนใจเรื่องราวของคุณ หรือ “ฉันเริ่มต้นธุรกิจโดยไม่มีเงินทุน แล้วทำอย่างไรถึงสำเร็จ?” จะทำให้คนอยากรู้เทคนิคที่คุณใช้
ถ้าคุณสามารถใช้เรื่องราวของคุณเป็นเครื่องมือ Personal Branding ได้ คุณจะดึงดูดผู้ติดตามและลูกค้าได้ง่ายขึ้น
แล้วแบรนด์ธุรกิจไม่สำคัญแล้วหรือ?
ไม่ใช่! Personal Branding สำคัญขึ้นก็จริง แต่ แบรนด์ธุรกิจยังคงมีความจำเป็น โดยเฉพาะถ้าคุณต้องการขยายกิจการให้ใหญ่ขึ้น
กรณีที่ “Brand” ยังคงสำคัญ
เช่น ถ้าคุณต้องการสร้างธุรกิจที่สามารถขายได้ (Exit Strategy)
ถ้าคุณไม่ต้องการเป็นจุดศูนย์กลางของธุรกิจตลอดไป
ถ้าคุณต้องการขยายทีม และทำให้ธุรกิจทำงานได้โดยไม่มีคุณ
ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด
Apple เติบโตต่อไปได้ แม้ Steve Jobs ไม่อยู่แล้ว แบรนด์ Nike แข็งแกร่งแม้ว่าคนไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ หรือธุรกิจที่มี Corporate Brand แข็งแรง ก็สามารถเติบโตได้โดยไม่ต้องพึ่งชื่อของผู้ก่อตั้ง
บทสรุป
Personal Branding ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ดีในการเริ่มต้นธุรกิจ แต่ถ้าคุณต้องการขยายใหญ่ขึ้น คุณต้องสร้างแบรนด์ธุรกิจที่ยืนได้ด้วยตัวเอง
ในสัปดาห์หน้า เราจะมาพูดกันต่อถึง >> วิธีพัฒนา SEO และการตลาดด้วย Personal Branding ผ่านบล็อก กันนะคะ อย่าลิมติดตามกันน้า