เมื่อพูดถึงกลยุทธ์ SEO จะมีภาพลักษณ์คลุมเครือที่ว่า “แสดงผลด้านบนสุดในผลลัพธ์การค้นหา” แต่คุณจะสามารถพัฒนามาตรการที่ตรงตามจุดประสงค์ของเว็บไซต์ วางกลยุทธ์ที่ดีกว่าเดิมและนำมาตรการไปใช้ได้อย่างประสิทธิภาพจากการเข้าใจจุดประสงค์และความจำเป็นของ SEO เป็นอย่างดี
บทความนี้จะสรุปว่าทำไมกลยุทธ์ SEO ถึงมีความจำเป็น
ช่วยกระตุ้นให้เกิดการค้นหาทั่วไป (Organic Search) เพิ่มมากขึ้น
จุดประสงค์หลักของมาตรการ SEO คือการเพิ่มจำนวนการค้นหาทั่วไปจากเครื่องมือค้นหา
Organic Search คือ การที่ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลโดยป้อนคีย์เวิร์ดบนเครื่องมือค้นหาและผลลัพธ์จะแสดงจากผลการค้นหาทั่วไป โดยที่ไม่ใช้โฆษณาหรือบริการที่เสียค่าใช้จ่าย
เมื่อค้นหาโดยป้อนคีย์เวิร์ดลงไปที่เครื่องมือค้นหา เช่น Google หน้าที่เกี่ยวข้องที่สุดและน่าเชื่อถือจะแสดงไว้ที่ด้านบนสุดจากในบรรดาดัชนีผลการค้นหาหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดนั้น ซึ่งการค้นหาแบบนี้คือการค้นหาทั่วไป
การจัดอันดับการค้นหาทั่วไป จะถูกกำหนดโดยอัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหา อัลกอริทึมนี้ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น คุณภาพของเนื้อหาเว็บไซต์ การใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ และจำนวน Backlink เป็นต้น
การใช้มาตรการ SEO ทำให้โอกาสที่เว็บไซต์จะแสดงที่ด้านบนของผลการค้นหาทั่วไปสูงขึ้น การเข้าชมจากผลการค้นหาทั่วไปจะมีจุดเด่นตรงที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่าและให้ผลลัพธ์ในระยะยาวเมื่อเทียบกับการใช้โฆษณาหรือบริการที่เสียค่าใช้จ่าย
ผู้ใช้มักจะค้นหาข้อมูลโดยใช้เครื่องมือค้นหา ดังนั้นการเข้าชมเว็บไซต์จะเพิ่มมากขึ้นจากการแสดงผลไว้อันดับต้นๆด้วยคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม
มาตรการ SEO ต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่ถ้าหากเริ่มเห็นผลแล้วก็จะคาดหวังผลลัพธ์ในระยะยาวได้ ในทางกลับกันมาตรการชั่วคราวอย่างการใช้โฆษณาจะมีผลแค่ช่วงที่มีการจ่ายค่าโฆษณาเท่านั้น
สิ่งสำคัญในที่นี้ก็คือ จุดประสงค์ของมาตรการ SEO ที่ “เพิ่มการเข้าชม” และการเพิ่ม Conversion (จำนวนการสอบถาม) ซึ่งเป็นกระบวนการนึงของ SEO คีย์เวิร์ดหลักที่มีการแข่งขันกันสูง ถ้าแสดงไว้ที่ด้านบนก็ยังคาดหวังว่าจะเพิ่มการเข้าชมจำนวนมากได้ แต่เพราะการแข่งขันสูงก็ทำให้การแสดงไว้ที่ด้านบนยากตามไปด้วย บางกรณีก็ต้องมีค่าใช้จ่ายและใช้เวลามาก เลยทำให้มีกรณีที่ไม่บรรลุผลตามที่คาดหวังเช่นกัน
ในอีกทางนึง การจำกัดความหมายของคีย์เวิร์ดเป้าหมายและการมุ่งไปที่คีย์เวิร์ดเฉพาะทางที่มีการแข่งกันน้อยกว่า เมื่อเทียบกับคีย์เวิร์ดหลักแล้วจำนวนการค้นหาจะน้อยกว่า แต่มีโอกาสสูงที่จะได้แสดงไว้ที่ด้านบน และยังตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากกว่าด้วย
การเพิ่มจำนวนการเข้าชมอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การให้ผลการค้นหาอยู่ลำดับต้นๆด้วยคีย์เวิร์ดหลัก หรือให้แสดงคำหลายๆคำในหน้าผลการค้นหาในหน้าเดียว รวมถึงการใช้มาตรการเชิงกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่ม Conversion (จำนวนการสอบถาม) และการเพิ่มอัตราการสังซื้อจากการติดต่อสอบถามก็เป็นสิ่งที่สำคัญ
การพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้งาน
มาตรการ SEO นั้นมีหลายอยู่อย่าง เช่น การพัฒนาคุณภาพเนื้อหา (ความเป็นประโยชน์, ความน่าเชื่อถือและอื่นๆ) การปรับความเร็วในการแสดงหน้าเว็บให้เหมาะสม การทำให้เว็บไซต์ดูบนมือถือได้ ต่างก็ช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดีขึ้นได้
ประสบการณ์ของผู้ใช้เว็บไซต์ (User Experience, UX) คือ ประสบการณ์โดยรวมและความรู้สึกที่ผู้ใช้ได้รับจากการใช้งานเว็บไซต์ ทั้งการออกแบบเว็บไซต์ ความง่ายในการใช้งาน คุณภาพเนื้อหา ต่างก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อประสบการณ์ของผู้ใช้
ประสบการณ์ของผู้ใช้กับโรบ็อตที่เป็นเครื่องมือค้นหามีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดมาก โรบ็อตที่เป็นเครื่องมือค้นหา (เรียกว่า Crawler หรือ Spider) จะทำหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลบนเว็บไซต์แล้วนำไปเพิ่มลงในดัชนีของเครื่องมือค้นหา
เว็บไซต์ที่ Crawler สามารถทำงานบนเว็บเพจได้อย่างราบรื่น ก็จะทำให้ Crawler เก็บรวบรวมข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตัว Crawler ก็ใช้งานและประเมินเว็บไซต์เหมือนผู้ใช้ที่เป็นมนุษย์ ดังนั้นเว็บไซต์ที่มีประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ดีก็จะได้รับการจัดอันดับสูงจาก Crawler ได้ง่าย ผลลัพธ์คือ ข้อมูลก็จะถูกรวบรวมไว้ที่ดัชนีของเครื่องมือค้นหาอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ และยังส่งผลไปในทางบวกต่อการจัดอันดับบนเครื่องมือค้นหาด้วย
เครื่องมือค้นหามีแนวโน้มแสดงเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ เว็บไซต์ที่มีการพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ก็จะได้รับการตัดสินจากผู้ใช้ว่ามีคุณค่าได้ง่ายกว่า ทำให้คาดหวังในเรื่องการจัดอันดับบนเครื่องมือค้นหาได้
ท้ายที่สุดเราคิดว่าเว็บไซต์ที่ทำให้ผู้ใช้ใช้งานง่าย เข้าใจง่ายและมีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ ก็จะนำไปสู่มาตรการ SEO ได้